บริษัทที่กำลังจะขายหุ้น IPO ก็ต้องทำงาน "นักลงทุนสัมพันธ์" นะคะ

16 สิงหาคม 2566

IPO ย่อมาจาก “Initial Public Offering” หรือ “การเสนอขายหุ้นให้สาธารณชนครั้งแรก” หุ้น IPO เป็นหุ้นที่บริษัทออกมาเพื่อระดมทุนจากนักลงทุนหรือสาธารณชนเป็นครั้งแรก (ตลาดแรก) โดยนักลงทุนสามารถนำหุ้น IPO ที่มีไปซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ (ตลาดรอง) แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้น IPO ก็ควรศึกษาให้ดีก่อนว่า บริษัทที่จะลงทุนนั้นเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องผลประกอบการที่ผ่านมา และทิศทางการเติบโตในอนาคต ศักยภาพการแข่งขัน ความสามารถในการทำกำไร ภาระหนี้สิน โครงสร้างผู้ถือหุ้น ใครเป็นผู้บริหาร เป็นต้น ว่าเป็นอย่างไรแล้วประมวลผลออกมาให้ได้ว่า..อนาคตมีโอกาสเติบโตหรือไม่-อย่างไร?

IR (Investor Relations) หรือ "นักลงทุนสัมพันธ์" เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายหุ้น IPO ตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว และดิฉันเห็นว่างาน IR เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญคือช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของนักลงทุน นอกเหนือจาก ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่จะขายหุ้น IPO ที่ปรึกษาทางการเงิน อันเดอร์ไรท์เตอร์ สภาพของตลาดหุ้นโดยรวม ณ ห้วงเวลานั้นๆ ซึ่ง IR จะเป็นตัวช่วยให้การขายหุ้น IPO ประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงาม

แนวคิดของบริษัทที่ต้องการขายหุ้น IPO เพราะต้องการเงินทุนจำนวนมากมาเพื่อขยายธุรกิจ หรือว่ามีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เข้ามา หรืออยากได้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม หรืออยากนำไปชำระหนี้ (แต่เดิมก่อนที่บริษัทจะออกหุ้นมาขายนั้น หุ้นจะเป็นของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เช่น ผู้ก่อตั้ง หรือบุคคลในครอบครัว ทำให้เงินทุนของบริษัทค่อนข้างจำกัด) วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการไปกู้เงินจากธนาคาร แต่ต้องแลกกับการเสียดอกเบี้ยด้วย ดังนั้นการขายหุ้น IPO จึงเป็นอีกหนึ่ง “วิธีการระดมทุน” ที่บริษัทขนาดใหญ่นิยมเลือกใช้ ซึ่งจะเป็นแหล่งเงินทุนระยะยาวที่ปลอดภาระดอกเบี้ย แต่ต้องแลกด้วยการมีจำนวนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเพื่อให้เข้ามาเป็นเจ้าของบริษัทร่วมกัน อนาคตเมื่อกิจการมีกำไรก็จะมีส่วนร่วมได้รับเงินปันผลในอัตราที่เท่าเทียมกัน และมีสิทธิเข้าร่วมในการประชุมผู้ถือหุ้น

แต่จะบอกว่า..ไม่ใช่ใครคิดอยากจะขายหุ้น IPO ก็ทำได้เลยตามใจอยาก เพราะว่ามีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม เพราะต้องทำเอกสารต่างๆ และผ่านการตรวจสอบพิจารณาจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้มีความโปร่งใสที่สุด เนื่องจากประชาชนจำเป็นต้องรู้ว่าบริษัทจะนำเงินของตัวเองไปทำอะไรบ้าง โดยปกติจะมีการดำเนินการ 4 ขั้นตอนด้วยกันคือ 1.ยื่นคำขอเพื่อเสนอขาย ( Filing) 2.สำนักงาน ก.ล.ต.อนุมัติคำขอเสนอขาย (Approved) 3.กำหนดวันจองซื้อ (Effective) และ 4.ซื้อขายวันแรก (IPO)

อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่างาน IR มีความสำคัญ เพราะเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของนักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้น IPO โดยผู้ที่รับผิดชอบในหน้าที่นี้ต้องทำการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย ให้รับทราบว่า

1. บริษัทที่กำลังจะ IPO มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านของผลประกอบการ ศักยภาพการทำกำไร ภาระหนี้สิน

2. บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง และส่งผลต่อแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตให้เติบโตได้อย่างไร

3. บริษัทมีผู้บริหารที่เก่งและมีวิสัยทัศน์ สามารถนำพาองค์กรให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่ง

4. ราคาหุ้น IPO ที่ขายต่อนักลงทุนเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน

5. นักลงทุนมั่นใจและตัดสินใจซื้อหุ้น IPO และสามารถถือเพื่อลงทุนในระยะยาวได้

ดิฉันคิดว่าผลลัพธ์ที่บริษัทคาดหวังต่อเนื่อง หลังจากขายหุ้น IPO คือราคาหุ้นสามารถยืนในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน การซื้อขายหุ้นมีสภาพคล่อง บริษัทและผู้บริหารของบริษัทได้รับการยอมรับและเชื่อถือจากนักลงทุนและพันธมิตรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตที่มีการบริหารจัดการที่ดี รู้สึกมั่นคง-ปลอดภัยเมื่อลงทุนและถือลงทุนในระยะยาว ที่สำคัญคือพร้อมที่จะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงหากมีการตัดสินใจระดมทุนในรูปแบบต่างๆ ในอนาคตด้วย ซึ่งการทำงาน "นักลงทุนสัมพันธ์" ช่วยคุณได้

ณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (พี่เก๋)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร